ดราม่า ราคาอาหาร กว่า 3 หมื่นบาท ล่าสุด เจ้าของร้านแจงแล้ว เป็นงานจัดเลี้ยง ตกลงกับลูกค้าก่อน ยันใช้วัตถุดิบอย่างดี น้ำมันมะกอกขวดละ 2,000 บาท ใช้ทอดไก่ ประเด็น สบค. ขอเตรียมเอกสารไปอธิบายก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว2”
โพสต์บิลค่าอาหารซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงบนโซเชียล โดยเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นภาพบิลค่าอาหารแห่งหนึ่งที่ ระบุราคาทั้งหด 31,501 บาท ในโพสต์ระบุ ถึงค่าอาหารบางเมนูและบางรายการที่แพงจนผิดปกติ ถึงขนาดตัดพ้อกับตัวเองว่ารู้สึกเหมือนโดนปล้นที่ร้านอาหาร
ได้แก่ ปีกไก่ทอดน้ำปลา จานละ 1,000 บาท, เนื้อแดดเดียว จานละ 1,000 บาท, ทะเลลวกจิ้ม จานละ 1,000 บาท, กระเพาะปลา 1 หม้อ ขนาด 20 นิ้ว ราคา 5,000 บาท, น้ำแข็งแช่เบียร์สด 1 ถัง ราคา 1,000 บาท, นำแข็ง 111 โถ ราคา 2,200 บาท
ส่วนที่เหลือราคาปกติ โดยมากินทั้งหมด 30 คน ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เจ้าของโพสต์บอกว่าจ่ายมัดจำไปแล้ว 1 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือยังไม่ได้จ่าย รอปรึกษาตำรวจ, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ สรรพากรอยู่ และเจ้าตัวยังได้ถ่ายบัตรประชาชน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่ให้ที่ร้านด้วย เพื่อความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ชักดาบ
ขณะเดียวกันนอกจากโพสต์สอบถามความเห็นเรื่องราคาดังกล่าวแล้ว เจ้าของเรื่องยังขอถามในตอนท้ายด้วยว่า ตามมารยาทแล้วเด็กเสิร์ฟของร้าน สามารถดื่มเบียร์แขกได้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยหรือ ? ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ใครอยากแววะไปลองก็เชิญได้เลย ส่วนตัวเองของครั้งนี้ครั้งเดียวพอแล้ว โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม
ความคืบหน้าล่าสุด (23 ม.ค.65) เจ้บิว เจ้าของร้านอาหารดังกล่าว เปิดเผยว่า บิลค่าอาหารที่แชร์ว่อนโซเชียลยนั้น เป็นการจัดเลี้ยงงานหนึ่งของลูกค้าที่มาว่าจ้าง โดยก่อนจัดงานก็มีการตกลงเรื่องราคากันก่อนแล้ว
ไม่มีเจตนาจะฉวยโอกาสขึ้นราคา และคิดราคาแพงเกินจริง เพราะทางร้านใช้วัตถุดิบทำอาหารที่มีคุณภาพตามลูกค้าสั่ง โดยใช้น้ำมันมะกอกขวดละ 2,000 บาท ใช้ทอดไก่ทอดน้ำปลาให้ อาจมีความผิดพลาดเรื่องปริมาณ แต่ก็พร้อมที่จะเจรจากับลูกค้า ลดราคาให้ตามสัดส่วน และยินดีที่จะไม่คิดเงินที่เหลือหากลูกค้าไม่พอใจ
ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านก็ได้ขอความเมตตาจากลูกค้าทุกท่าน หากผิดพลาดขอกราบขอโทษลูกค้า ส่วนบิลที่คิดเงินลูกค้าระบุว่าแพง จะมีการตรวจสอบพิจารณาตามความเป็นจริง ส่วนกรณีผู้โพสต์ให้ไปพบ สคบ. และ พาณิชย์จังหวัดด้วยนั้น ตนเองขอรวบรวมเอกสารและภาพกล้องวงจรปิดที่ร้านเพื่อเข้าชี้แจงต่อไป
สธ. ชี้ สถานการณ์โควิด ดีกว่าที่คาด จับตาหลังเปิดให้ดื่มได้ถึง 5 ทุ่ม
กระทรวงสาธารณสุข เผย สถานการณ์โควิด ดีกว่าที่ทาง สธ. คาดไว้ เตรียมจับตาหลังเปิดให้ 33 จังหวัด ดื่มแอลกอฮอลล์ได้ถึง 5 ทุ่ม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าขณะนี้ผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 8 พันรายต่อวัน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นไม่มาก และถือเป็นจำนวนที่ดีกว่าการคาดการณ์
แต่ด้วย ด้วยสายพันธุ์โอมิครอนที่ติดง่าย แพร่เชื้อเร็ว จึงต้องยังระวังอยู่ต่อเนื่อง เตียงไอซียูของ รพ.และโรงเรียนแพทย์ ยังมีเพียงพอรองรับ ซึ่งต่างจากช่วงเดลตาที่ผู้ป่วยอาการหนักค่อนข้างเยอะ ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการจะให้รักษาที่บ้าน (Home Isolation) ซึ่งพิสูจน์ว่าเวิร์ก สะดวก มีช่องทางติดต่อแพทย์หากอาการมากขึ้น แต่เท่าที่ดูผู้ติดเชื้อที่อยู่ HI แล้วมีอาการเปลี่ยนต้องเข้า รพ. พบว่ามีไม่มาก
โดย หมอโอภาส ได้คาดการณ์สถานการณ์หลังจากที่มีการผ่อนมาตรการอนุญาตให้สามารถดื่มแอลกอฮอลล์ ได้ไม่เกิน 23.00 น. ใน 33 จังหวัด ว่าทาง กระทรวง
ติดตามสถานการณ์ทุกวัน แต่อย่างที่เรียนรู้กันมาคือ เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการใด จำนวนผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้น ตรงไปตรงมา เพราะถ้าเปิดกิจกรรมแล้วไม่ติดเชื้อเพิ่ม เราก็คงเปิดทุกกิจกรรม แต่ด้วยเราชะลอการเปิดกิจกรรมในช่วงแรก เพราะต้องรอประเมินว่าโอมิครอนแท้จริงแล้วรุนแรงหรือไม่
แต่ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่า เตียงไอซียูเพียงพอรองรับได้ เราจึงเปิดเป็นขั้นเป็นตอนไป คือ ผับบาร์ คาราโอเกะ ยังไม่เปิดให้บริการ ร้านอาหารที่เปิดให้ดื่มแอลกกอฮอล์ ต้องมีมาตรการ COVID Free Setting พนักงานรับวัคซีนครบ ตรวจหาเชื้อด้วย ATK ก่อนให้บริการลูกค้า จะไม่อิสระแบบเมื่อก่อน และย้ำในเรื่องร้านต้องถ่ายเทอากาศได้
เมื่อถามว่ามีข้อทวงติงถึงมาตรการ ATK Frist ก่อนเข้าสถานที่/กิจกรรม อาจจะมีประโยชน์น้อย เพราะหากเพิ่งรับเชื้อมายังตรวจไม่พบ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ATK เป็นเครื่องมือคัดกรองเบื้องต้น ผลตรวจอาจจะไม่แม่นยำเท่า RT-PCR แต่มีประโยชน์ เพราะราคาถูกกว่า ตรวจง่าย รู้ผลเร็ว จึงใช้ประโยชน์นี้เพื่อคัดกรอง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องไปเจอคนมากๆ ก็แนะนำว่าให้ตรวจได้ตามความเสี่ยง เพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง เราต้องรู้ว่าแต่ละวิธีมีจุดแข็ง จุดอ่อน ดังนั้น จะให้ใช้ ATK แทน RT-PCR คงไม่ใช่ ขอให้มองจุดแข็ง ประโยชน์ของเครื่องมือนั้นๆ ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์